Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

The Red sea

ทะเลแดง (อังกฤษ: Red Sea; อาหรับ: البحر الأحمر อัลบะฮฺรุ อัลอะฮฺมัร‎; ฮีบรู: Yam Suf‎) เป็นอ่าวในมหาสมุทรอินเดีย แบ่งระหว่างทวีปแอฟริกากับทวีปเอเชีย โดยทะเลแดงเชื่อมกับมหาสมุทรอินเดียที่อ่าวเอเดน (Gulf of Aden) ทะเลแดงมีความยาวประมาณ 1900 กิโลเมตร และกว้างประมาณ 300 กิโลเมตร ร่องทะเลที่ลึกที่สุดประมาณ 2,500 เมตร และความลึกเฉลี่ยประมาณ 500 เมตร

ทะเล แดงมีชื่ออื่นคือ อ่าวอาหรับ (Arabian Gulf) ซึ่งเรียกกันก่อนสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 20 ชื่อทะเลแดงไม่ได้หมายถึงสีของน้ำทะเล แต่หมายถึงสีของแบคทีเรียชนิดหนึ่งบริเวณผิวน้ำ

ข้อมูลเพิ่มเติม“ ทะเลแดง”The Red sea

“ทะเลแดง” คืออ่าวแห่งหนึ่งในมหาสมุทรอินเดียอยู่ระหว่างแอฟริกากับตะวันออกกลาง ทางเหนือสุดทะเลแดง คือคาบสมุทรไซนาย อ่าวอะกาบาและอ่าวสุเอช
บริเวณที่เรียกว่า ทะเลแดง เกิดจากเปลือกโลกแยกตัวเมื่อประมาณ ๓๐ ล้านปีก่อน ซึ่งเกิดเหตุหุบเขาทรุดระหว่างทวีปแอฟริกากับคาบสมุทรอาระเบียน หลายพันปีผ่านไปน้ำทะเลได้ท่วมเข้ามาในบริเวณที่ทรุดจนกลายเป็นทะเล เบื้องล่างจึงเปลี่ยนเป็นหุบเขาใต้น้ำ
ลักษณะของทะเลแดงเป็นแนวยาวประมาณ ๒,๒๓๐ กม. บริเวณกว้างที่สุดกว่า ๓๐๐ กม. ความลึกโดยเฉลี่ย ๕๐๐ เมตร บริเวณที่ลึกที่สุดประมาณ ๒,๕๐๐ เมตร นอกจากจะมีสินแร่ต่าง ๆอยู่มากมายแล้ว สินทรัพย์ล้ำค่าของทะเลแดง คือ สรรพสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้น้ำ จากการสำรวจพบว่ามีปลากว่า ๑,๑๐๐ ชนิด และประมาณ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ไม่มีในน่านน้ำอื่นของโลก รวมทั้งปลาน้ำลึกกว่า ๗๕ ชนิด
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้ทะเลแดง 
 เนื่องมาจากเป็นแหล่งโขดหินปะการังเป็นแนวยาวกว่า ๒,๐๐๐ กม. 
เกิดขึ้นเมื่อประมาณ ๕,๐๐๐ – ๗,๐๐๐ ปีมาแล้ว

ทำไมถึงชื่อว่า “ ทะเลแดง” มีผู้ให้ความเห็นไว้ดังนี้
บางทฤษฏีอ้างว่า เป็นเพราะอยู่ติดทะเลทรายอียิปต์ ซึ่งตามภาษาอียิปต์โบราณเรียกว่า “ 
ทะเลทราย – Dashret” หรือ Red Land ทะเลแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า “ 
ทะเลของแผ่นดินแดง ” แล้วหดลงเหลือเพียง “ ทะเลแดง ”
อีกทฤษฏีหนึ่ง สันนิษฐานว่า น่าจะมาจากการเปลี่ยนสีตามฤดูกาลของแบคทีเรีย และพืชชั้นต่ำจำพวกสาหร่าย บริเวณผิวน้ำที่เปลี่ยนจากสีเขียวอมฟ้ามาเป็นสีน้ำตาลอมแดงในช่วงหนึ่งของปี เลยทำให้ดูเหมือนน้ำทะเลกลายเป็นสีแดง และยังผูกโยงไปถึงภูเขาที่อุดมด้วยสินแร่สีแดงบริเวณใกล้เคียง จนได้ชื่อตามภาษาท้องถิ่นว่า “ Harei Edom ” ซึ่งหมายถึง “ ภูเขาสีแดง” เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม 

ปัจจุบันเรายังพอมองเห็น “ทะเลแดง” จริงๆได้เช่นกัน เมื่อแสงอาทิตย์ยามอัสดงทอดแสงอาบเนินทรายสูงต่ำ ให้กลายเป็นสีชมพู แล้วสะท้อนเงาสีชมพูนั้นลงไปในน้ำให้เราได้ดู
เขาทำอะไรกันในสปา อาบน้ำอุ่นจากทะเลแดง Healing waters
น้ำในทะเลแดงมีระดับความเข้มของเกลือสูงมากคือ ๔๒ เปอร์เซ็นต์ ( โดยทั่วไปจะมีประมาณ ๓๐๕ เปอร์เซ็นต์ ) จากการเดือดระเหยสูง รวมทั้งการพบกันของกระแสน้ำเย็นจากเหนือ 
และกระแสน้ำอุ่นจากใต้

ทะเลแดงได้ชื่อว่าเป็นทะเลอุ่นที่สุดในโลก โดยน้ำมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ ๒๓ – ๓๐ องศาเซลเซียส ขึ้นอยู่กับว่าไปวัดตรงบริเวณไหน
เชื่อกันว่าถ้าเราได้ชำระล้างร่างกายด้วยน้ำอุ่นจากทะเลแดงที่อุดมด้วยแร่ ธาตุนานาชนิด แล้วจบลงด้วยการชโลมครีมบำรุงผิวไปทั่วร่างกาย ก็จะช่วยผ่อนคลายความปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ให้รู้สึกสบายอารมณ์ กระตุ้นความมีชีวิตชีวา ช่วยให้ผิวพรรณเราสดใสเปล่งปลั่งราวกับสาวแรกรุ่นเลยทีเดียว
พอกโคลนใต้ทะเลแดง

โคลนจากทะเลแดงมีคุณภาพในการปรับโครงสร้างสภาพผิว และขจัดสิ่งสกปรกตกค้างที่อยู่ตามรูขุมขน ซึ่งทำความเสียหายแก่ผิวหนังให้หมดไป โคลนจากทะเลแดงซึ่งเป็นของหายาก ประกอบด้วยกรดฮิวมิคเอซิค ๔๙ เปอร์เซ็นต์ วิตามินเอ บี ๑ บี ๒ และ บี ๑๒ แร่ธาตุและจุลินทรีย์สารอาหารอื่นๆ ด้วย
การขัด พอกผิวด้วยโคลน ที่บริเวณแขน ขา หลังและหน้าท้อง 
แล้วพันด้วยผ้าขนหนูทิ้งไว้ประมาณ ๑๒ - -๐ นาท 

 ระหว่างนี้ให้นวดใบหน้าและหนังศีรษะไปด้วย เพื่อช่วยให้ผ่อนคลายขึ้น พอได้เวลาก็เช็ดโคลนที่พอกไว้ตามบริเวณต่าง ๆออกด้วยผ้าขนหนูอุ่นๆ จากนั้นลงแช่ในน้ำอุ่นจากทะเลแดงอีกครั้ง เท่านี้คุณก็จะรู้สึกสดชื่นสดใสแล้ว
การพอกโคลนจากทะเลแดงนั้น ตามสปาต่าง ๆ มักจะนิยมนำมาบริการลูกค้า แต่สำหรับการอาบหรือแช่น้ำอุ่นที่มาจากทะเลแดงชัวร์ๆนั้นคงหายากสักหน่อย แต่ถ้าอยากอาบจริงๆ ทางที่ดีควรไปอาบไปพอกกันที่ทะเลแดงนั่นแหละจึงจะเป้นของแท้แน่นอน ไม่ต้องกลัวโดนหลอก 

ข้อมูลจาก maye
เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย musa

รายการบล็อกของฉัน