นักโบราณคดีรัสเซียค้นพบมัมมี่นักรบโบราณ 2 พันปี แท้จริงเป็นวัยรุ่นหญิงในแถบไซบีเรีย ไม่ใช่ผู้ชาย แต่เป็นหญิงวัยรุ่นอายุประมาณ 13 ปี
มัมมี่นักรบร่างนี้ถูกพบฝังไว้กับอาวุธจำนวนมาก....ทีมนักโบราณคดีรัสเซียค้นพบว่า มัมมี่ของนักรบโบราณอายุ 2,600 ปีที่พบในแถบไซบีเรีย เมื่อ 32 ปีที่แล้ว แท้จริงไม่ใช่ผู้ชาย แต่เป็นเด็กหญิงวัยรุ่นอายุประมาณ 13 ปี
เชื่อว่าเธอเป็นสมาชิกชนเผ่าโบราณที่ชื่อว่า ซิทีแอน (Scythian อ่านออกเสียงตามภาษาอังกฤษ คือ SIH-thee-un คนไทยบางส่วนเรียกว่า ซิเธียน หรือ ไซเธียน) หรือ คน ซึ่งเป็นเผ่านักรบพเนจรที่ใช้ชีวิตอยู่ในบริเวณที่ปัจจุบันคือตอนใต้ของเขตไซบีเรียในรัสเซีย ระหว่างช่วง 900-200 ปีก่อนคริสตกาล
ทีมนักโบราณคดีค้นพบมัมมี่ร่างนี้ครั้งแรกในปี 1988 แต่ตอนนั้นได้สันนิษฐานว่าเป็นร่างของเด็กหนุ่ม เนื่องจากพบอาวุธจำนวนมากอยู่ในโลงศพไม้ เช่น คันธนูที่ทำจากต้นเบิร์ช กระบอกบรรจุลูกธนูที่มีลูกธนู 10 ดอกที่ทำจากไม้ กระดูกสัตว์ และส่วนปลายทำจากสัมฤทธิ์ รวมทั้งขวานเล่มหนึ่ง
ในขณะที่ตามปกติสุสานของเด็กผู้หญิงมักจะพบสิ่งของเครื่องใช้จำพวก ลูกปัด และกระจก
ดร.มารีนา คิลูนอฟสกายา หัวหน้าทีมวิจัยเรื่องนี้จากสถาบันประวัติศาสตร์วัฒนธรรมทางวัตถุ ในสังกัดรัฐบัณฑิตวิทยาศาสตร์แห่งรัสเซีย ระบุว่า การวิเคราะห์ผลตรวจดีเอ็นเอ พบว่า แท้จริงแล้วมัมมี่ร่างนี้เป็นวัยรุ่นหญิงที่อายุยังไม่ถึง 14 ปี
ขณะที่ วาร์วารา บูโซวา นักโบราณคดีอีกคนในทีม กล่าวว่าจากหลักฐานที่พบทำให้ "มีความเป็นไปได้ว่าเด็กหญิงชาวซิทีแอนอาจมีส่วนร่วมในการล่าสัตว์หรือการทำสงครามกับผู้ชายในเผ่า"
วัยรุ่นหญิงผู้นี้แต่งกายด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์ เสื้อ และกางเกงหรือกระโปรง การตรวจสอบอายุสิ่งของต่าง ๆ ในหลุมศพด้วยคาร์บอนกัมมันตรังสีพบว่ามีอายุระหว่างช่วงศตวรรษที่ 7-5 ก่อนคริสตกาล ซึ่งตรงกับยุคของชาวซิทีแอน
ดร.คิลูนอฟสกายา กล่าวว่า ตอนนี้ทีมวิจัยต้องการตรวจวิเคราะห์หาอายุที่แม่นยำของมัมมี่ร่างนี้ และพวกเขาหวังว่าการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ ซีทีสแกน จะช่วยให้ได้ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของนักรบหญิงผู้นี้
เมื่อปลายปีที่แล้ว นักโบราณคดีรัสเซียอีกทีม ได้ค้นพบร่างของนักรบหญิงชาวซิทีแอนจำนวน 2 ร่างที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งทางภาคตะวันตกของรัสเซีย ซึ่งคาดว่าจะถูกฝังไว้เมื่อประมาณ 2,500 ปีก่อน พร้อมกับบังเหียนม้า และอาวุธต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงมีดโลหะ และหัวธนู 30 ดอก
ดร.วาเลอรี กุลีเยฟ นักโบราณคดีจากรัฐบัณฑิตวิทยาศาสตร์แห่งรัสเซีย ระบุว่า "เรามั่นใจว่าผู้หญิงสองคนนี้เป็นนักรบบนหลังม้า" เนื่องจากพวกเธอถูกพบฝังอยู่รวมกับอาวุธจำพวกหอกทวน โดยที่หนึ่งในนั้นถูกจัดท่าให้คล้ายกับกำลังขี่ม้า
ศาสตราจารย์เอเดรียน เมเยอร์ นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในบทความของนิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟิก เมื่อปี 2014 ว่า "ราว 1 ใน 3 ของหญิงชาวซิทีแอนถูกฝังศพไปพร้อมกับอาวุธและมีบาดแผลจากการรบเช่นเดียวกับผู้ชาย…พวกเขาอยู่ในเผ่าขนาดเล็ก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่ทุกคนในเผ่าคือผู้ถือผลประโยชน์ร่วมกัน พวกเขาจึงต้องมีส่วนร่วมในการต่อสู้ ทำสงคราม และออกล่าด้วยกัน"
การค้นพบเหล่านี้ จึงทำให้ตำนานกรีกโบราณเกี่ยวกับเผ่านักรบหญิงแห่งดินแดนเอเชียไมเนอร์ที่มีชื่อว่า "แอมะซอน" (Amazon) ซึ่งผู้คนคิดว่าเป็นเพียงนิทานปรัมปรานั้น อาจไม่ใช่แค่เรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมาจากจินตนาการก็เป็นได้
The 'curse' of Siberia's 2,500-year-old 'Ice Maiden' - BBC REEL
In 1993 the 2,500-year-old mummified remains of a woman were discovered in the frozen Ukok Plateau in Siberia. Known as the 'Ukok Princess' or the 'Ice Maiden' in the media, she is thought to be one of the most significant archaeological finds of the 20th Century.
Modern scientific techniques have begun to unravel the mysteries of who this woman may have been, how she died and why she seemed to have such significance to her people. However, her story has also gathered almost mythical status along the way, with strange stories emerging of a mysterious curse linked to the removal of her body from its burial site.