แม่น้ำใหญ่ที่แคนาดาทั้งสายจู่ๆก็อันตรธานหายไปในเวลาแค่ 4 วันนี่เป็นครั้งแรก
ในประวัติศาสตร์ที่นักวิทยาศาสตร์พบว่ามีแม่น้ำใหญ่ทั้งสายอันตรธานหายไปอย่างรวดเร็วปรากฏการณ์นี้
เรียกว่า “River Piracy”
เมื่อน้ำที่ไหลสู่แม่น้ำสายหนึ่งถูกพาไปสู่แม่น้ำอีกสายหนึ่ง หลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่าปรากฏการณ์นี้ใช้เวลาหลายพันปีในกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
แต่แม่น้ำ Slims ที่แคนาดาได้เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นในเวลาแค่ 4 วันเท่านั้น
ในประวัติศาสตร์ที่นักวิทยาศาสตร์พบว่ามีแม่น้ำใหญ่ทั้งสายอันตรธานหายไปอย่างรวดเร็วปรากฏการณ์นี้
เรียกว่า “River Piracy”
เมื่อน้ำที่ไหลสู่แม่น้ำสายหนึ่งถูกพาไปสู่แม่น้ำอีกสายหนึ่ง หลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่าปรากฏการณ์นี้ใช้เวลาหลายพันปีในกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
แต่แม่น้ำ Slims ที่แคนาดาได้เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นในเวลาแค่ 4 วันเท่านั้น
ในฤดูร้อนปีที่แล้วทีม
นักธรณีวิทยาได้เดินทางไปศึกษาแม่น้ำ Slims ที่ Yukon ดินแดนด้านตะวันตกสุดของแคนาดา เมื่อพวกเขาไปถึงกลับพบว่าแม่น้ำใหญ่สายนี้ได้หายไปแล้ว นักวิทยาศาสตร์คิดว่าน่าจะเป็นเพราะการหดตัวถอยร่นของธารน้ำแข็งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทางการไหลของน้ำอย่างเหลือเชื่อ นับเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลกที่ไม่อาจคาดเดาได้
นักธรณีวิทยาได้เดินทางไปศึกษาแม่น้ำ Slims ที่ Yukon ดินแดนด้านตะวันตกสุดของแคนาดา เมื่อพวกเขาไปถึงกลับพบว่าแม่น้ำใหญ่สายนี้ได้หายไปแล้ว นักวิทยาศาสตร์คิดว่าน่าจะเป็นเพราะการหดตัวถอยร่นของธารน้ำแข็งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทางการไหลของน้ำอย่างเหลือเชื่อ นับเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลกที่ไม่อาจคาดเดาได้
ในรอบศตวรรษที่ผ่านมาธารน้ำแข็งใหญ่ Kaskawulsh ทางตอนเหนือของแคนาดาได้ถอยร่นอย่างสม่ำเสมอ แต่จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยวอชิงตันทาโคมาชี้ว่าการถอยร่นคราวนี้ได้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ River Piracy ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน นักวิจัยบอกว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาแบบเฉียบพลันและน่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างถาวรด้วย
เดิมทีน้ำที่ละลายจากธารน้ำแข็งจะไหลตรงไปที่แม่น้ำ Slims แล้วไหลต่อไปลงทะเล Bering แต่จากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิของอากาศทำให้ธารน้ำแข็งถอยร่นไปถึงจุดที่ทำให้น้ำที่ละลายออกมาเปลี่ยนทางไหลไปยังแม่น้ำ Kaskaulsh และไปออกทะเลที่อ่าวอลาสก้า
“นักธรณีวิทยาเคยเห็นปรากฏการณ์ River Piracy แต่ไม่ใช่ที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตของพวกเรา” Dan Shugar
นักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันทาโคมากล่าว
“พวกเขาดูจากบันทึกทางธรณีวิทยาเมื่อหลายพันปีหรือเป็นล้านปีมาแล้ว ไม่ใช่ศตวรรษที่ 21 ที่กำลังเกิดอยู่ที่ใต้จมูกของเรา”
นักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันทาโคมากล่าว
“พวกเขาดูจากบันทึกทางธรณีวิทยาเมื่อหลายพันปีหรือเป็นล้านปีมาแล้ว ไม่ใช่ศตวรรษที่ 21 ที่กำลังเกิดอยู่ที่ใต้จมูกของเรา”
เมื่อ Shugar และทีมงานมาถึงริมฝั่งแม่น้ำ Slims เพื่อการสำรวจ พวกเขาได้พบว่าไม่มีน้ำไหลแล้ว “มันแทบจะไม่มีอะไรไหลอยู่เลย”Shugar กล่าว
“มันเป็นเหมือนบึงยาวๆที่แห้งขอด”
“มันเป็นเหมือนบึงยาวๆที่แห้งขอด”
มาตรวัดระดับน้ำที่ติดตั้งอยู่ตลอดแม่น้ำชี้ว่าระดับน้ำลดลงฉับพลันในช่วงเวลา 4 วัน
จากวันที่ 26 – 29 พฤษภาคม 2016ทีมวิจัยได้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยารอบบริเวณนี้ ใช้โดรนและเฮลิคอปเตอร์ถ่ายภาพทางอากาศ และสร้างแบบจำลองเพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลงล่าสุดของธารน้ำแข็ง Kaskawulsh
จากวันที่ 26 – 29 พฤษภาคม 2016ทีมวิจัยได้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยารอบบริเวณนี้ ใช้โดรนและเฮลิคอปเตอร์ถ่ายภาพทางอากาศ และสร้างแบบจำลองเพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลงล่าสุดของธารน้ำแข็ง Kaskawulsh
“ในช่วง 300 ปีหลังสุดแม่น้ำ Slims ไหลออกสู่ทะเล Bering และแม่น้ำ Kaskaulsh ที่เล็กกว่าไหลออกสู่อ่าวอลาสก้า สิ่งที่เราพบคือทะเลสาบธารน้ำแข็งที่จ่ายน้ำให้กับแม่น้ำ Slims ได้เปลี่ยนทางออกไปด้านอื่น”
Shugar อธิบาย
“หน้าผาน้ำแข็งถล่มลงมากลายเป็นโกรกธารลึกชันสูง 30 เมตรที่บริเวณขอบนอกของธารน้ำแข็ง น้ำที่ละลายออกมาไหลผ่านโกรกธารนี้จากทะเลสาบธารน้ำแข็งหนึ่งไปอีกทะเลสาบหนึ่ง คล้ายกับการเทแชมเปญลง
ในแก้วที่วางซ้อนกันเป็นรูปพีระมิด”
Shugar อธิบาย
“หน้าผาน้ำแข็งถล่มลงมากลายเป็นโกรกธารลึกชันสูง 30 เมตรที่บริเวณขอบนอกของธารน้ำแข็ง น้ำที่ละลายออกมาไหลผ่านโกรกธารนี้จากทะเลสาบธารน้ำแข็งหนึ่งไปอีกทะเลสาบหนึ่ง คล้ายกับการเทแชมเปญลง
ในแก้วที่วางซ้อนกันเป็นรูปพีระมิด”
ทีมวิจัยชี้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะเฉพาะของธารน้ำแข็ง Kaskawulsh เท่านั้น ธารน้ำแข็งอื่นที่กำลังละลายอยู่ไม่จำเป็นจะต้องเกิดปรากฏการณ์นี้ และยังเชื่ออีกว่าเป็นไปได้น้อยที่แม่น้ำ Slims จะกลับมามีระดับน้ำเท่าเดิมอีก